เคยสังเกตไหมว่า เมนูข้าวผัดที่เราไปกินตามภัตตาคาร กับข้าวผัดที่เรากินตามร้านอาหารตามสั่งแบบไทยจะมีความต่างกันอยู่ เป็นความอร่อยต่างสไตล์ที่ไม่ว่าแบบไหน คนรักข้าวอย่างเราก็ต้องติดใจกับเมนูนี้อยู่เสมอ
ข้าวผัดที่เสิร์ฟในภัตตาคารส่วนใหญ่ จะเป็นข้าวผัดจีน ส่วนข้าวผัดที่เรากินตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไปจะเป็นข้าวผัดไทย ใครที่อยากลองทำข้าวผัดสองสไตล์นี้ ข้าวธรรมจะมาบอกความต่างของข้าวผัดแบบจีนกับแบบไทยให้ฟังกัน แล้วลองนำไปปรับใช้ให้เป็นสูตรของตัวเองดูกันนะ
ต่างที่เครื่องปรุงรส
เริ่มกันที่เครื่องปรุงก่อนเลย สำหรับข้าวผัดสไตล์จีน จะปรุงด้วยซีอิ๊วขาวและเกลือเป็นหลัก เพื่อเพิ่มความหอมให้กับข้าวผัดและมีรสชาติที่เค็มนำ ส่วนข้าวผัดสไตล์ไทย จะมีการใส่ซีอิ๊วดำเข้าไปเพื่อเพิ่มสีสันให้ข้าวผัดมีสีเข้ม รสชาติมีความอมหวาน
ต่างที่สีสันของข้าว
ด้วยการใช้เครื่องปรุงรสที่ต่างกัน ทำให้สีของข้าวออกมาไม่เหมือนกัน โดยข้าวผัดจีนจะมีสีอ่อนกว่าข้าวผัดไทย
ต่างที่วัตถุดิบ
โดยทั่วไปแล้วข้าวผัดจีน จะใส่แค่ข้าว ผีกชี ต้นหอม และไข่ ไม่ค่อยมีเน้นเนื้อสัตว์หรือผักชนิดอื่น แต่ข้าวผัดไทยเรียกว่าเป็นเมนูล้างตู้เย็น จึงมีวัตถุดิบเยอะกว่ามากผักที่นอกจากผักชีต้นหอมแล้วยังนิยมใส่คะน้า แครอทด้วย ส่วนเนื้อสัตว์นอกจากไข่ที่ต้องใส่เสมอๆ ยังมีทั้งหมู ไก่ กุ้ง หรือกระทั่งไส้กรอก ยังไม่นับว่าบางคน ชอบสั่งเพิ่มไข่ดาวโปะหน้าอีกด้วย เรียกว่าใส่เครื่องแบบจัดเต็ม!
ไม่ว่าจะ “ข้าวผัดจีน” หรือ “ข้าวผัดไทย” ทั้งสองต่างมีเอกลักษณ์ความอร่อยไม่เหมือนกัน บ้างก็ชอบข้าวผัดจีนมากกว่า บ้างก็ชอบข้าวผัดไทยมากกว่า อย่างไรก็ตามที่สำคัญคือขอให้อร่อยถูกใจก็เพียงพอแล้ว
ทำ “ข้าวผัด” ไม่ว่าจะสไตล์จีน หรือสไตล์ไทย ขอแนะนำข้าวธรรม ถุงสีชมพู (โอลด์โรสต์) ข้าวหอมมะลิ คัดพิเศษ 100% ข้าวกลางปี ผัดได้เลยไม่ต้องกลัวเละ* ข้าวสวยเต็มเม็ด!
ซื้อข้าวหอมมะลิ (กลางปี) ไปทำข้าวผัดได้เลยตอนนี้ >>คลิก<<