Blog
ประหยัดเวลามากขึ้น หุงข้าวสวยทีเดียว…อร่อยได้หลายมื้อ!
ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ การจัดการเวลาในครัวถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้เวลาหุงข้าวทุกมื้อ การหุงข้าวปริมาณมากในครั้งเดียว แล้วแบ่งเก็บไว้ทานในมื้อถัดไป เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยประหยัดเวลาได้ดี แถมยังช่วยให้คุณมี ‘ข้าวสวยพร้อมทาน’ ตลอดทุกมื้อ
ทำไมต้องหุงข้าวเผื่อ?
การหุงข้าวแค่ครั้งเดียวแต่สามารถทานได้หลายมื้อ มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด:
- ประหยัดเวลาประจำวัน
คุณไม่ต้องเสียเวลา 15-30 นาทีในการเตรียม หุง และรอข้าวสุกในแต่ละมื้อ เพียงแค่นำข้าวที่เก็บไว้มาอุ่นไม่กี่นาทีก็พร้อมทานได้ - ประหยัดพลังงาน
การหุงครั้งเดียวใช้พลังงานรวมน้อยกว่าการหุงปริมาณน้อยๆ แยกกันหลายครั้ง ยิ่งสำหรับคนที่อยู่คนเดียว หรือกินน้อย การหุงข้าวกินทุกมื้อก็ยุ่งยากพอสมควร เพราะบางทีหุงเยอะเกินก็กินไม่หดม หรือถ้าหุงน้อยข้าวสวยจะแห้งติดก้นหม้อหุงข้าวได้ - วางแผนการทำอาหารง่ายขึ้น
เมื่อมีข้าวสวยพร้อมทาน ก็สามารถโฟกัสกับการเตรียมกับข้าวได้อย่างเต็มที่
วิธีการเก็บรักษาข้าวสวยที่ถูกต้องเพื่อความอร่อยและปลอดภัย
หัวใจสำคัญของการหุงข้าวเผื่อคือ ‘การลดอุณหภูมิให้เร็วที่สุด’ และ ‘การเก็บในภาชนะปิดสนิท’ เพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้อาหารเป็นพิษได้ ยิ่งสำหรับประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้น ข้าวที่เป็นคาร์โบไฮเดรตนั้นสามารถมีแบคทีเรียเติบโตได้ง่าย หรือก็คือข้าวอาจจะเสียได้ถ้าเราไม่เก็บให้ดี
หุงเสร็จแล้วอย่าปล่อยทิ้งไว้ แบ่งข้าวสวยทันที!
เมื่อหม้อหุงข้าวตัดไฟ และข้าวระอุได้ที่ (10-15 นาทีหลังหมเอหุงข้าวตัดไฟ) แนะนำให้ตักข้าวส่วนที่จะเก็บออกมาจากหม้อทันที อย่าปล่อยให้ข้าวสวยเย็นตัวในหม้อหุงข้าวนานเกินไป เพราะอุณหภูมิอุ่นๆ คือสภาวะที่แบคทีเรียสามารถเติบโตได้ นอกจากนี้ความชื้นจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่ทิ้งไว้ ถ้าเผลอปล่อยไว้อาจทำให้จข้าวบูดคาหม้อ! ทีนี้ละงานเข้าเลย
แบ่งข้าวสวยเป็นส่วนๆ ให้พอดีทีละมื้อ
ตักข้าวใส่กล่องแบ่งอาหารขนาดเล็กในปริมาณที่พอดีกับมื้อที่เรากิน เพื่อความสะดวกในการนำมาอุ่นทีละกล่อง ส่วนนี้สำคัญมาก เพราะบางคนจะชอบตักข้าวใส่กล่องเดียว แล้วเวลากินก็เอาอุ่น พออุ่นแล้วกินไม่หมดก็เก็บข้าวสวยเข้าตู้เย็นต่อ แล้ววนซ้ำอุ่นใหม่อีกรอบ—วิธีนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะการอุ่นซ้ำๆ ส่งผลเสียต่อคุณภาพของข้าวสวยมากกว่า ข้าวจะไม่นุ่มไม่หอมเท่าเดิม นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสการเติบโตของเชื้อโรค และเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งด้วย
ทิ้งข้าวสวยให้เย็นก่อนที่เราจะปิดกล่องข้าว
หลังจากตักข้าวใส่กล่องแล้ว อย่าปิดฝาสนิททันที ควรให้เปิดฝาไว้เล็กน้อยหรือคลุมด้วยกระดาษหรือผ้าบางเพื่อปล่อยไอน้ำและความร้อนจากข้าวระบายออกไป เพื่อลดอุณหภูมิข้าวก่อนเอาไปแช่เย็น นอกจากนี้ควรวางข้าวไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท หรือวางกล่องลงในภาชนะที่ใส่น้ำเย็น/น้ำแข็งไว้สักพัก เพื่อช่วยให้ข้าวเย็นตัวอย่างรวดเร็ว
จัดเก็บในตู้เย็นอย่างเหมาะสม
หลังจากที่ทิ้งเวลาไว้จนข้าวสวยเย็นตัวลง (อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง) ให้ปิดฝากล่องให้สนิท แล้วแช่ในช่องแช่เย็น (อุณหภูมิ 0°C – 4°C) ทันที เพื่อชะลอการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เวลาจะกินก็นำข้าวสวยออกมาอุ่นกินทีละกล่อง โดยอุ่นด้วยซึงนึ่ง หรือไมโครเวฟก็ได้เช่นกัน
ข้าวสวยอยู่ได้นานแค่ไหน?
เพื่อความปลอดถัยและความอร่อยของข้าวสวย ไม่ควรเก็บข้าวสวยไว้นานเกิน แนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมตาทมวิธีการเก็บดังนี้…
- เก็บเข้าช่องแช่เย็นปกติ
แนะนำไม่ควรเก็บข้าวสวยเกิน 3-4 วัน หากนานกว่านี้ รสชาติและเนื้อสัมผัสจะเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน และเสี่ยงต่อการบูดเสียด้วย - ช่องแช่แข็ง (ฟรีซ)
แนะนำเก็บไม่เกิน 1 เดือน วิธีนี้เหมาะสำหรับการเก็บนานๆ ต้องห่อหรือใส่กล่องสุญญากาศให้แน่นสนิท เพื่อป้องกันความชื้นระเหย (Freezer Burn) นอกจากนี้เมื่อนำออกมาอุ่นกินแล้วควรกินให้หมดทันที
ข้อควรระวังที่สำคัญ
ความปลอดภัยทางอาหารต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อคุณตัดสินใจหุงข้าวเผื่อหลายมื้อ
- ห้ามทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกิน : หากทิ้งข้าวสวยไว้ในอุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมงอาจเกิดแบคทีเรียในข้าวได้
- เมื่อนำข้าวสวยแช่เย็นหรือแช่แข็งมากิน ต้องอุ่นให้ร้อนจัด (ข้อสังเกตคือ อุ่นให้มีไอน้ำพุ่งขึ้นจากข้าว) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดขึ้น
- สังเกตก่อนกิน หากข้าวมีกลิ่นเปรี้ยวผิดปกติ, มีเมือก, หรือเนื้อสัมผัสที่แข็งกระด้างอย่างมาก ให้ทิ้งทันที!
การหุงข้าวสวยทีเดียวเพื่อแบ่งทานหลายมื้อ ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการประหยัดเวลาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น หากจัดการและเก็บรักษาอย่างถูกวิธี ข้าวสวยก็จะยังคงนุ่มอร่อยเหมือนหุงใหม่ ได้ตลอดทั้งสัปดาห์!

